เส้นหาเลี้ยงชีพ

เส้นหาเลี้ยงชีพ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

กลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่#html

 


กลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่

ชื่อเรียกตนเอง : ลาหู่, ลาฮู, ลาหู่นะ, ลาหู่นาเมี้ยว, ลาหู่ซิมี

ชื่อที่ผู้อื่นเรียก : มูเซอ, โลไฮ, ลาหู่, ลาหู่แดง, ลาหู่ดำ, ลาหู่เซเล

ภาษาที่ใช้พูดและเขียน : ภาษาลาหู่อยู่ในกลุ่มภาษาตระกูลจีน-ทิเบต (Sino-Tibetan) สาขาทิเบต-พม่า กลุ่มภาษาโลโลดั้งเดิม (Proto-Lolo) และแตกสาขาย่อยลงมาในกลุ่มพม่า-โลโล สาขาโลโลกลาง (Central Lolo) ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับภาษาลีซู และภาษาอาข่า

มิติทางประวัติศาสตร์ที่มีผลต่อการเรียกชื่อกลุ่มชาติพันธุ์ :

ลาหู่ ไม่มีความใดอื่นใด นอกจาก หมายถึง คนลาหู่เอง คำว่า ลาหู่จึงหมายถึงทั้งคน ภาษา และวัฒนธรรม นักภาษาศาสตร์จัดให้พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่พูดภาษาในกลุ่มภาษาตระกูลจีน-ทิเบต (Sino-Tibetan) สาขาทิเบต-พม่า และแตกสาขาย่อยลงมาในกลุ่มพม่า-โลโล สาขาโลโลกลาง (Bradley, 1979: 1)

1) ลาหู่หงี (Lahu Nyi) หรือเรียกกันในภาษาไทย ลาหู่แดง (Red Lahu) (อริยา เศวตามร์, 2559) คำว่าหงีในภาษาลาหู่ แปลว่า แดง ซึ่งสันนิฐานว่าน่าหมายถึงแถบผ้าสีแดงที่ติดอยู่ที่เสื้อของผู้หญิงลาหู่ 

2) ลาหู่นา/ลาหู่นะ (Lahu Na) เป็นกลุ่มที่คนไทยเรียกว่า ลาหู่ดำ (Black Lahu) โดยคำว่า นะหรือนา เป็นภาษาลาหู่แปลว่าดำ (Walker, 1974: 264) ซึ่งคำนี้สันนิฐานน่าน่าจะมาจากการใช้ชุดเสื้อของหญิงลาหู่ซึ่งมีสีดำเป็นสิ่งที่บ่งบอกความแตกต่างจากลาหู่กลุ่มอื่น

ลาฮู ผู้เขียนสันนิษฐานว่า คำนี้คนไทยถอดเสียงจากรูปคำในภาษาอังกฤษ“La’hu” ที่นักวิชาการตะวันตกสมัยอาณานิคมใช้เขียนถึงคนลาหู่ คำว่า ลาฮูปรากฏอยู่ในงานเขียนข้าราชการนักศึกษารุ่นที่ 18 โรงเรียนสงครามจิตวิทยา กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด (สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการปฏิบัติการจิตวิทยาแห่งชาติ, 2518: 7) 

มูเซอ ชื่อนี้มาจากภาษาพม่าคำว่า มกโซแปลว่า พรานป่าหรือนักล่าสัตว์ เป็นชื่อที่คนไทยใหญ่ในพม่ายืมมาใช้เรียกคนลาหู่ (จิตร ภูมิศักดิ์, 2562: 331; สุรพงษ์ บุญนาค 2506:194) โดยภายหลังคำนี้คนไทยก็รับมาใช้ในการเรียกคนลาหู่ด้วย ในภาษาอังกฤษมีการสะกดชื่อนี้อย่างแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย เช่น Mussur (Walker, 1974: 255) Mushso/Mussuh/Musso/Muhso/Muser (Howard, 2005: 92), Musir/ Musor, Muhso (Schliesinger, 2005: 105)

โลไฮ เป็นคำที่ปรากฏอยู่ในงานของข้าราชการนักศึกษารุ่นที่ 18 โรงเรียนสงครามจิตวิทยา กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ชื่อ ชาวเขาเผ่ามูเซอคำนี้ถอดคำมาจากคำว่า “Lo-Heir” ในภาษาอังกฤษที่ใช้โดย James A. Matisoff (สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการปฏิบัติการจิตวิทยาแห่งชาติ, 2518: 6) นอกจากคำนี้แล้ว ยังมีอีกสองคำที่อ่านออกเสียงใกล้เคียงด้วย แต่เขียนสะกดไม่เหมือนกันคือ คำว่า หล่อเฮย” (จิตร ภูมิศักดิ์, 2562: 399) หรือ หล่อเห่อ” (อาริยา เศวตามร์, 2559: 17) ประการสำคัญคือ ในภาษาอังกฤษเองก็มีการสะกดคำดังกล่าวอย่างแตกต่างกันด้วย เช่น “Leheirh” (Scott and Hardiman: 1900: 579 อ้างใน Walker (1974 : 257) หรือ Lo-hei (Ruey Yih-fu, 1937:1 อ้างใน Walker, 1974 : 257) สำหรับความหมายของในงานของนักมานุษยวิทยาจีนชื่อ ชี้ให้เห็นว่า คำดังกล่าวมีความหมายที่เชื่อมโยงกับ “blackness” ตามที่ในภาษาจีนนั้นคือดำคือคำว่า “hei”  คำเรียกชื่อดังกล่าวจึงอาจเป็นคำเชิงดูถูกดูแคลนได้ อย่างไรก็ตามชื่อนี้ก็ไม่ได้เป็นชื่อทางการที่รัฐบาลจีนหลังการปฏิวัติปี ค.ศ. 1949 ใช้ในการเรียกกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ในจีน แม้โดยภาพรวมในอดีตจะเคยเป็นคำที่ชาวจีนใช้ในการเรียกคนกลุ่มชาติพันธุ์นี้โดยรวมก็ตาม (SCMP, 1953 อ้างใน Walker, 1974: 257) 

ลาหู่เซเล (Lahu Sheleh) เป็นคำที่กลุ่มลาหู่ที่เรียกตนเองว่าลาหู่หงีในไทยใช้เรียกใช้เรียกกลุ่มที่เรียกตนเองว่าลาหู่นาในไทย หรือคนไทยเรียก มูเซอดำ

ลาหู่ปาลิ (Lahu Pa Li) เป็นชื่อที่กลุ่มลาหู่เซเลใช้เรียกกลุ่มลาหู่หงี

ลาหู่แดง เป็นคำที่คนอื่นเรียกคนที่เรียกกลุ่มลาหู่ที่เรียกตนเองว่าลาหู่หงี 

ลาหู่ดำ เป็นคำที่คนอื่นเรียกกลุ่มลาหู่ที่เรียกตนเองว่าลาหู่นะ/ลาหู่นา

ลาหู่ซิมี ไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิง 

ลาหู่นาเมี้ยว ไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิง

------------------------------------------------

เอกสารและสิ่งอ้างอิง

 

ผศ. ดร.เอกรินทร์ พึ่งประชา ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตวังท่าพระ

​กมลวรรณ วังมณี. (2551). อาหารท้องถิ่นไทยในมิติวัฒนธรรม : กรณีศึกษา ข้าวปุกของชาวเขาเผ่าอาข่าและลาหู่ ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (การจัดการทั่วไป).มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย.

กาญจนา จันทร์หอมสกุล. (2548).ความพึงพอใจของชนเผ่าลาหู่แดงต่อบทบาทหน้าที่ผู้ใหญ่บ้าน:กรณีศึกษาบ้านจะบูสี หมู่ 5 ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย. ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาชุมชน). มหาวิทยาลัยนเรศวร.

ชลดา มนตรีวัต. (2541). การสร้างความเป็นหญิงชายทางสังคม และจริยธรรมในชุมชนลาหู่ : กรณีศึกษาหญิงลาหู่. ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาชุมชน). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ธีรพงษ์ บุญรักษา และชูศักดิ์ สุวิมลเสถียร. (2559). การจัดการวัฒนธรรมชุมชน : ภูมิปัญญาในการเสริมสร้างความมั่นคงผู้สูงอายุ กรณีศึกษาชุมชนลาหู่ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่,” วารสารศิลปกรรมบูรพา. ปีที่ 19, ฉบับที่ 1 (มิ.ย.-พ.ย.): 93-113.

ธันยา พรหมบุรมย์. (2550). การศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาหัตถกรรมท้องถิ่นและการตลาดในพื้นที่โครงการหลวง: กรณีศึกษาผ้าทอชาติพันธุ์ลาหู่. สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน).

ลลิตา จรัสกร. (2557). สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นลาหู่และการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน. วิทยานิพนธ์สถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต (สถาปัตยกรรม). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ลาเคละ จะทอ. (2548). การต่อสู้เรื่องสัญชาติของผู้หญิงชนเผ่า: กรณีศึกษาชีวิตจริงของผู้หญิงลาหู่คนหนึ่ง. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (สตรีศึกษา). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

สมบัติ บุญคำเยือง. (2540). ปัญหาการนิยามความหมายของป่า และการอ้างสิทธิเหนือพื้นที่: กรณีศึกษาชาวลาหู่. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาชุมชน). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

สาริณีย์ ภาสยะวรรณ. (2554). การเมืองของการสร้างภาพตัวแทนทางชาติพันธุ์ในพื้นที่การท่องเที่ยว: กรณีศึกษาโฮมสเตย์ชาวลาหู่ บ้านยะดู. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาชุมชน). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

สุนิษา สุกิน. (2552).การเต้นจะคึของลาหู่นะ (มูเซอดำ) กรณีศึกษา ตำบลด่านแม่ละเมา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (นาฏยศิลป์ไทย). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อุสิธารา จันตาเวียง. (2555). การศึกษาศักยภาพของชุมชนเพื่อจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าลาหู่บ้านท่าฮ่อ ตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงราย

อมร แก้วเป็ง. (2553). รูปแบบการเสริมสร้างชุมชนให้กลับฟื้นคืนวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวเขาเผ่าลาหู่: กรณีการผลิตข้าวซ้อมมือ.รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (การปกครองท้องถิ่น). มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

อรรถพงษ์ อินทพงษ์. (2551). การศึกษาคุณภาพชีวิตตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวไทยภูเขา ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการสิ่งแวดล้อม). มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น